วีดีโอเทปเรื่องนี้ (ยังไม่มี DVD ออกมาครับ)

โฆษณาโปรโมทภาพยนตร์เรื่องนี้

อันนี้เป็นแผ่นโปสเตอร์สีโปรโมทภาพยนตร์ครับ

เนื้อเรื่อง

ถ้านับเวลาระหว่างภาคหนังโรง (ภาคสมบูรณ์) กับตอนที่ 43 ที่ออกฉายทีวีวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2515 นี่ก็เป็นระยะเวลา 15 ปีครึ่งเชียวนะครับ

แต่ภาคสมบูรณ์นี่มาจับความเอาหลังจากที่โคจิกับมิซาโอะต้องแยกจากกันราวๆ 6 ปี โคจิได้เรียนจบมหาวิทยาลัยโชเซนสมปรารถนา และไปเป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่นที่เมืองซาน อันโตนิโอ บนเกาะไซปัน (เกาะเล็กๆทางตอนใต้ของญี่ปุ่น) วันหนึ่งมีจดหมายจากผู้อำนวยการโรงเรียนอาโอบะ (ดูจากซองจดหมายแล้วใช้ชื่อ วาตานาเบะ ทัตสึ ดังนั้นก็เป็นคนละคนกับ ผอ. คนเก่าที่ชื่อ อากาชิ ซากุระ นะครับ ส่วนจะไปรู้จักกับ โคจิ ได้อย่างไร เรื่องไม่ได้กล่าวถึง คงต้องเดากันเอง) ขอร้องให้โคจิกลับมาช่วยเหลือโรงเรียนเนื่องจากปัจจุบันโรงเรียนเปลี่ยนแปลงไปมาก สมาคมผู้ปกครอง (ที่รู้จักกันในนาม PTA ) ได้บีบให้โรงเรียนพัฒนานักเรียนโดยมุ่งให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้เพียงอย่างเดียว

วันแรกที่โคจิกลับมาถึง คาโอรุ (น้องสาว เปลี่ยนตัวแสดงจาก ยูทาคะ มัตสึโมโตะ เป็น อาริโท มิฮานะ ) ได้มารับที่สถานีคามากุระและพาไปพบ โยชิคาว่า มิซาโอะ (เปลี่ยนดาราแสดงจาก ฮายาเสะ คูมิ เป็น ทานากะ คูมิ ) ที่รออยู่ชายทะเลที่ทั้งคู่ชอบเดินด้วยกันบ่อยๆ มิซาโอะหลังจากกลับจากอเมริกา ปัจจุบันทำงานกับบริษัทเอกชน

วันแรกที่โคจิเข้าไปเยี่ยมโรงเรียนอาโอบะก็ตรงเข้าไปที่ชมรมเคนโด้..แต่ทว่าชมรมเคนโด้ในปัจจุบันไม่มีสมาชิกอีกแล้ว ห้องฝึกซ้อมของชมรมก็กลายเป็นของชมรมเชียร์ลีดเดอร์

โคจิพบกับรักษาการณ์ โอตะ โทราโอะ ที่แจ้งให้โคจิทราบว่าผอ.คนปัจจุบันป่วยอยู่ที่บ้าน โคจิแวะไปพบผอ.ซ่งขอให้โคจิฟื้นฟูชมรมเคนโด้ขึ้นมาอีกครั้ง... “ จะเอาแต่เรียนอย่างเดียวไม่ได้หรอก ต้องให้เหงื่อไหลไคลย้อยไปกับความคิดสร้างสรรค์ ”

โคจิ ได้เป็นครูประจำชั้นปี 2 (เทียบเท่ามัธยมปี 5 บ้านเรา) ห้อง 3 ซึ่งวันแรกก็เจอเรื่องเพราะไปเช็คชื่อเด็กนักเรียน (ไม่นิยมเช็คชื่อเพราะนักเรียนมักไม่เข้าห้องเรียนในวิชาที่ไม่มีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยและจะหมดสิทธิ์สอบโดยปริยาย) และถูกต่อว่าอย่างแรงในการประชุมกับสมาคม PTA

วันต่อมา โคจิ ตรงเข้าไปยึดห้องส่งข่าวทีวีของโรงเรียนและประกาศเปิดชมรมเคนโด้อีกครั้งและชักชวนให้นักเรียนมาเข้าชมรมในเย็นวันเดียวกัน แต่ปรากฏว่ามีนักเรียนสนใจแค่คนเดียวคือ ฟูจิตะ ซาโตชิ นักเรียนห้องของโคจิเอง

ฟูจิตะบอกโคจิว่ายังมีอีกคนที่อยากเข้าชมรมคือ คิชิโมโตะ ชิน แต่เจ้าตัวกลัวแม่ไม่ยินยอม ในวันรุ่งขึ้นโคจิไปพบคิชิโมโตะและไปหาคุณแม่(เป็นประธานสมาคม PTA ซะด้วย) ที่บ้านเพื่อขออนุญาต แต่ไม่ได้รับความยินยอม ตัวคิชิโมโตะยังคงแอบซ้อมกับโคจิต่อไป

สมาคม PTA มีประชุมกับอาจารย์โรงเรียนอาโอบะและสอบถามความคืบหน้าของชมรมเคนโด้ โคจิบอกว่ามีสมาชิกชมรมแค่คนเดียว ตามกฏถ้าชมรมไม่ได้ส่งทีมเข้าแข่งขันประจำจังหวัดภายใน 5 ปี ชมรมฯก็ต้องถูกยุบ

เผอิญชมรมฯไม่ได้เข้าแข่งขันมาแล้ว 4 ปี (แสดงว่าหลังโคจิและพวกจบการศึกษาไปแค่ 2 ปี ชมรมเคนโด้ก็ปราศจากคนสืบทอดซะแล้ว) โคจิก็รับปากว่าจะเข้าแข่งในปีนี้ แต่การที่ต้องมีสมาชิกอย่างต่ำ 5 คนจึงจะเข้าแข่งขันได้ โคจิจึงต้องเร่งหาสมาชิกโดยเร็ว โคจิสามารถชักชวน โมโตฮาชิ โนรุ ให้เข้าชมรมได้อีกคน จากนั้นก็ไปชวน อิโตะ ซึ่งเคยได้รางวัลชนะเลิศเคนโด้สมัยมัธยมต้นแต่เป็นเด็กมีปัญหาและไม่ยอมเข้าชมรมโดยกล่าวหาโคจิว่าต้องการตนเข้าชมรมเพื่อตัวเอง

อิโตะ ที่คิดว่า โคจิ แก่เกินแกงไปแล้ว ท้าประลองโคจิที่ชายหาด โคจิไปตามนัดหมายและกำหราบ อิโตะ ลงได้อย่างง่ายดาย

เส้นตายวันสุดท้ายโคจิที่มีสมาชิกชมรมแค่ 3 คนก็ต้องยอมยุบชมรม แต่ในวินาทีนั้นเอง คาโอรุ (น้องสาว)และ คิซาคิ มายูมิ (นักเรียนหญิงห้องโคจิ) ก็เข้าชมรมเคนโด้เป็นอันว่าชมรมเคนโด้มีสมาชิกครบ 5 คนพอดีและจะส่งเข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้ด้วย

การเข้าค่ายฝึกซ้อมหนึ่งสัปดาห์ก่อนแข่งก็เริ่มขึ้น โคจิพาสมาชิกไปซ้อมหนัก ในช่วงเข้าค่ายกันมิซาโอะก็ไปเยี่ยมโคจิและบอกว่าตนเองได้ลาออกจากบริษัทฯแล้วเนื่องจากมีปัญหาเรื่องงาน

แต่แล้วอิโตะก็ได้รับคำสั่งจากผอ.โอตะ ให้ทำลายชมรมเคนโด้โดยแอบมาท้าดวลกับโมโตฮาชิ ระหว่างการต่อสู้ อิโตะ พบว่า โมโตฮาชิ แข็งแกร่งขึ้นมากไม่อาจเอาชนะได้อย่างที่คิด ครู โอริวาร่า โนบุฮิโกะ (แสดง มาซากิ เคียวโมโต้ – นักแสดงชื่อดังที่ปั้นโมเดลอุลตร้าแมนกับไอ้มดแดง) มาพบเข้า ในขณะที่โมโตฮาชิเผลอ อิโตะก็ฟาดเข้าที่ข้อมือโมโตฮาชิอย่างเต็มแรงแล้วหนีไป

การแข่งขันก็มาถึง โรงเรียนอาโอบะปะทะกับคู่ปรับตลอดกาล คือ โรงเรียนไอซาว่า ในสองคู่แรก ฟูจิตะและ คิซาคิ แพ้หมดรูป ถ้าแพ้อีกคู่เดียวก็เป็นอันจบเห่ คู่สาม (คิชิโมโตะ) และคู่สี่ (คาโอรุ) กลับเอาชนะได้ เมื่อเสมอกัน 2-2 จึงต้องตัดสินแพ้ชนะในคู่สุดท้าย แต่กลับพบว่าโมโตฮาชิที่บาดเจ็บข้อมือไม่สามารถลงแข่งได้ และอาโอบะไม่มีตัวสำรองจึงจำเป็นต้องประกาศยอมแพ้ทั้งน้ำตา

แต่ในวินาทีนั้นเองอิโตะก็ปรากฏตัวขึ้นและขอเป็นตัวแทนโมโตฮาชิลงแข่งขัน (โคจิแอบใส่ชื่อ อิโตะ ไว้เป็นตัวสำรองด้วยเห็น อิโตะ แอบมาดูการฝึกซ้อมและเข้าใจซึ่งความรู้สึกของ อิโตะ เป็นอย่างดี แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น) อิโตะ เอาชนะได้ 2-1 อาโอบะชนะด้วยคะแนนรวม (3-2) ชมรมเคนโด้ของอาโอบะกลับมาแล้ว !

ทางโรงเรียนที่ไซปันได้มีจดหมายขอให้โคจิกลับไปช่วยเนื่องจากนักเรียนเพิ่มขึ้น โคจิสุดท้ายจำต้องอำลาอาโอบะโดยทิ้งความทรงจำให้กับคุณครูอีกหลายคนที่โคจิช่วยปลุกจิตสำนึกให้

วันเดินทางกลับ คาโอรุ ได้นำพาสปอร์ต 2 เล่มมาให้โคจิซึ่งพบว่าอีกฉบับนั้นเป็นของ...มิซาโอะ ที่มาขอเดินทางไปไซปันกับโคจิด้วย ในที่สุดคู่รักคู่กัดคู่นี้สุดท้ายก็สมปรารถนา (สมใจอยากทั่วหน้า)

นักเรียนอาโอบะมายืนส่งโคจิทั้งน้ำตา เครื่องบิน Japan Airlines 325 ทะยานขึ้นฟ้า Saraba Namida To Iou ดังขึ้นอีกครั้ง ภาพตัดไปที่หาดทรายบนเกาะไซปัน โคจิวิ่งนำหน้านักเรียนที่ทยอยวิ่งตามกันมาในชุดเคนโด้และปิดท้ายด้วยมิซาโอะ....อวสานโดยสมบูรณ์

ต่อหน้า 2 ครับ