ตอนที่ 43: ลาก่อนกับคำว่า “ น้ำตา ”

ความรวมโดยย่อ

ในที่สุดชั้นเรียนปี 3 ของอาโอบะก็ใกล้ปิดฉากลง นักเรียนต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมตัวออกไปสู่สังคมและมีงานทำ แทบไม่น่าเชื่อว่าโคจิ โคบายาชิ ได้รับเลือกให้จากผอ.ให้รับทุนไปศึกษาต่อที่อเมริกา แต่โคจิตอบปฏิเสธด้วยต้องการเลือกทางเดินของตนเอง

สมาชิกชมรมเคนโด้ 2 คนคือ นิชิมูระ และ อิชิฮาร่า ซึ่งเป็นนักเรียนปี 2 ได้รับการฝากฝังให้สานต่อชมรมเคนโด้ และแล้วก็มีนักเรียนปี 2 สามคน (ชูกูมิ ทานิมูระ และ อิโตะ) มาขอสมัครเข้าชมรมเคนโด้ด้วย

ในระหว่างซ้อม สมาชิกใหม่ทั้งสามพบว่าชมรมเคนโด้ไม่ได้เป็นแบบที่คาดหวัง กล่าวดูถูกชมรมฯจึงถูกโคจิชกสั่งสอน ทั้งสามเจ็บใจและลาออกจากชมรมและเตรียมวางแผนแก้แค้นโคจิ

มิซาโอะไปพบโคจิขณะกำลังฝึกเคนโด้อยู่ที่หาดทรายริมทะเลในเวลากลางคืน สำหรับมิซาโอะแล้วเพื่อนร่วมชั้นของเธอคนนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่เธอกลับสารภาพว่าตัวเองกำลังสับสนและสูญเสียความมั่นใจเกี่ยวกับอนาคต

สำหรับชมรมดรัมเมเยอร์ มิซาโอะ เคียวโกะ ฮิเดโกะ และ จิเอะ แล้วทุกคนก็รู้สึกอ้างว้างและหดหู่ที่จะต้องจากโรงเรียนอาโอบะไปเช่นกัน

ที่โรงยิมฯ ชมรมเคนโด้กำลังฝึกซ้อม สมาชิกชมรมดรัมเมเยอร์ได้สวนสนามเข้ามาให้กำลังใจ ความร่วมมือกันที่มีมาตลอดหนึ่งปีก็ใกล้จะจบลงไปแล้ว (ถ้าลองนึกย้อนกลับไปตอนต้นเรื่อง ทั้งสองชมรมเคยทะเลาะกันที่นี่เพื่อแย่งใช้ฝึกซ้อมกัน)

นักเรียนปีสองทั้งสามคนท้าโคจิให้ไปพบในป่าในยามดึก โคจิไปถึงกลับพบว่า มีนักเรียนปี 2 มารุมล้อมตนเองหลายคน ด้วยวิธีหมาหมู่โคจิถูกอัดจนน่วม

ด้วยหวังที่จะปูรากฐานโรงเรียนอาโอบะ (จะสอนพวกปี 2 ว่าการใช้วิธีหมาหมู่มันไม่ใช่วิถีแห่งลูกผู้ชาย) โคจิที่ได้รับบาดเจ็บมีผ้าพันแผลโพกหัวก็เข้าโต้ตอบกลุ่มนักเรียนปีสองที่รุมทำร้ายตนในคืนก่อนด้วยการท้าต่อสู้ด้วยกีฬาในสนามกีฬา

โคจิคนเดียวบุกเดี่ยววางทรัยกับชมรมรักบี้ทั้งชมรม แล้วเอาชนะซูโม่ กรีฑา และจบลงที่ชมรมยูโด

นักเรียนปีสองทั้งสามคนประทับใจในตัวโคจิ จึงขอกลับเข้าชมรมเคนโด้อีกครั้ง

ผอ. อากาชิ ซากุระ ขอให้มิซาโอะไปเรียนต่อที่อเมริกาแทนโคจิ มิซาโอะลังเลขอเวลาตัดสินใจ ผอ. จึงขอร้องให้โคจิเจรจากับมิซาโอะ โคจิคุยกับมิซาโอะที่ชายทะเล โดยบอกว่าตนเองตั้งใจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย โชเซ็น และอยากให้มิซาโอะไปอเมริกา

โคจิ: Itte Soshite Kaete Kurunda " ไปเถอะ แล้วกลับมานะ "

มิซาโอะ: “ ขอบคุณ...เมื่อเธอพูดว่า “ ไปเถอะ แล้วกลับมานะ ” ฉันก็จะไป ”

ทั้งสองจับมือทำสัญญากัน

ในวันแข่งขันเคนโด้ภายในของโรงเรียน ชมรมดรัมเมเยอร์เข้าไปเชียร์ชมรมเคนโด้ เมื่อถึงคู่ของ โคจิกับทามูระ มิซาโอะที่นั่งดูโคจิแข่งอยู่ก็พูดขึ้นมาในใจ

“Kore ga watashi no seishun ( นี่คือชีวิตในวัยรุ่นของฉัน)

Ano hito…otoko (เขาคนนั้น..เป็นผู้ชาย)

Soshite watashi…onna ( ส่วนฉัน..เป็นผู้หญิง)

Kore ga watashi to ano hito no seishun” ( และก็เป็นชีวิตในวัยรุ่นของเขากับฉัน )

เพื่อนๆทุกคนกรูกันไปที่สนามบินฮาเนดะในวันที่มิซาโอะออกเดินทางไปอเมริกา มิซาโอะที่นั่งในเครื่องบินกล่าวคำอำลาทั้งน้ำตา “ โคจิซัง...ซาโยนาระ ” ในขณะเดียวกันโคจิกล่าวคำอำลาอยู่ข้างล่าง “ ซาโยนาระ...โยชิคาว่าคุง ” นักเรียนอาโอบะยืนน้ำตานองปนรอยยิ้ม หวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต เพลง Saraba Namida To Iou เริ่มดังขึ้น เครื่องบิน JAL ได้นำมิซาโอะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

ภาพตัดกลับมาที่โคจิถือดาบไม้ไผ่วิ่งไปบนหาดทราย โคจิพูดขึ้นในใจ

“nani kaga owatta ( อะไรก็ตาม ย่อมต้องมีตอนจบ)

soshite matta nani kaga hajimeru (จบแล้ว ก็เริ่มต้นใหม่)

yaru sou (สู้ต่อไป )

ore wa yaru ( ข้าจะสู้)

ore wa yaru sou (ข้าจะสู้ต่อไป) ”

ภาพของโคจิที่วิ่งไปบนชายหาดก็ค่อยๆเล็กลงจนเลือนหายไป...... อวสาน

ความประทับใจในตอนนี้

1) คัมเปกล่าวกับโคจิว่า นาย นี่ช่างโชคดีจริงๆที่ได้รับเลือกให้ได้ทุนเรียนฟรีที่มหาวิทยาลัยฮอกไกโด โคจิตอบกลับว่า ความเพียรพยายามต่างหากนำมาซึ่งโชคดี และแสดงออกด่วยว่าไม่ได้ใช้เคนโด้เป็นเครื่องมือเข้ามหาวิทยาลัย

2) คำพูดสุดท้ายของ โคบายาชิ

“ nani kaga owatta…soshite matta nani kaga hajimaru…yaru so…ore wa yaru…ore wa yaru so !” นี่ถูกจารึกไว้ในปกหน้าด้านในของแผ่น soundtrack ภาพยนต์ทีวีเรื่องนี้ ที่ออกวางขายในปี 2537 (ผลิตโดย VAP เช่นกัน) ใครมีลองเปิดดูครับ

3) ในจำนวนทั้งหมด 43 ตอน มี 3 ตอนที่ใช้ชื่อตอนว่า Saraba (sayonara พูดเป็นกันเองว่า saraba หรือ “ ลาก่อน ”)

ตอนที่ 20 ลาก่อนคนรัก...จากทะเล !

ตอนที่ 31 กล่าวคำอำลา..ที่ทะเล !

ตอนที่ 43 ลาก่อนกับคำว่า “ น้ำตา ” !

หรือแม้แต่เพลงไตเติ้ล saraba namida to iou

คำว่า Sayonara หรือ Saraba ถูกใช้บ่อยๆ   คำนี้เป็นคำพูดของ นักรบ (Warrior) โดยนัยหมายถึงการเริ่มต้นออกเดินทาง และ หมายถึงการแยกจากกัน

ใน ตอนที่ 8 ชมรมเคนโด้ Let's go! คุณปู่ของโคจิเอ่ยสำนวนของคนจีนที่ว่า Just “ Sayonara ” is life หมายถึง การจบและการอำลา

ในตอนอวสาน (ที่สร้างความทรงจำน่าประทับใจ) saraba โดยนัยหมายถึง การที่มิซาโอะจะต้องเริ่มต้นการเดินทางไปอเมริกา และจากลาเพื่อนๆที่อาโอบะ

4) หลายคนไม่อยากให้เรื่องนี้จบเลย แต่อย่างที่ โคบายาชิพูดแหละครับ “ nani kaga owatta” ( อะไรก็ตาม ย่อมต้องมีตอนจบ) เก็บเป็นความทรงจำดีๆเอาไว้ แล้วก็เอาคติสอนใจดีๆหลายอย่างไปใช้ในชีวิตจริง (ผมเป็นลูกผู้ชายได้ทุกวันนี้ ก็ได้คติมาจากเรื่องนี้แหละครับ)

ส่วนผมก็ Ore Mo Otoko da! “ ข้าก็เป็น..ลูกผู้ชายเหมือนกัน !”